บอกหมดเปลือก!!! รู้ไว้ก่อนตัดสินใจทำ HIFU คืออะไร? ดีอย่างไร? แล้วเหมาะกับใคร?

HIFU ย่อมาจาก Hight Intensity Focused Ultrasound เป็นนวัตกรรมใหม่ด้วยการใช้โดยใช้คลื่น Ultrasound I คลื่นเสียงที่มีความเข้มข้นสูง 1000 ครั้งต่อวินาที สามารถตีกรอบหน้าให้คมชัด ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยของใบหน้าให้ตึงขึ้น และสามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้ทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย

ข้อดีของการทำ HIFU

หลักการของการทำงานของ HIFU นั้นคือการปล่อยคลื่นความร้อนในอุณหภูมิที่เหมาะสมกับผิวหน้าของคนไข้แต่ละราย สู่ชั้นผิวหนังบนใบหน้าชั้น SMAS (Superficial musculoaponeurotic system) เป็นชั้นพังผืดที่รองรับเนื้อเยื่อของผิวหนังที่ลึกถึง 4.5 มม. ยกตัวอย่าง เช่น ผู้ที่มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อยมาก หากทำการผ่าตัดดึงหน้า ศัลยแพทย์จะต้องผ่าตัดดึงชั้น SMAS นี้ให้ตึงนั่นเอง

เมื่อปล่อยคลื่นคลื่นอัตตร้าซาวด์พลังงานความร้อนลงบนผิวจึงทำให้ชั้นผิวจะหดจากพลังงานความร้อนที่ถูกโฟกัสลงใต้ผิว โดยที่ค่าพลังงานเฉลี่ยประมาณ 60 องศา โดยไม่ทำให้ผิวชั้นบนร้อน จึงไม่ส่งผลให้ผิวด้านบนเกิดการไหม้ การรักษาแบบนี้ช่วยแก้ปัญหายกมุมปาก หนังตาตก คิ้วตก และทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ หลังการรักษาสามารถแต่งหน้าทำกิจกรรมได้ตามปกติโดยไม่มีรอยแดง หรือรอยไหม้ ดังนั้น HIFU จึงเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อยบนใบหน้าและกลัวการใช้เข็ม เหมาะกับผู้ที่เริ่มต้น มีริ้วรอย 30-35 ขึ้นไป

ผลลัพธ์หลังจากทำ HIFU

  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย คิ้วตก หนังตาตก และมีส่วนช่วยให้ร่องแก้มตื้นขึ้นได้ แต่ผลลัพธ์ไม่ชัดมากสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มลึก หมอแนะนำให้ฟิลเลอร์ร่องแก้มจะเห็นผลลัพธ์ชัดกว่า
  • กรอบหน้าชัดขึ้น จึงช่วยให้หน้าเรียวขึ้น
  • สามารถลดรอยตีนกา ริ้วรอยหน้าผาก และเหนียงใต้คาง
  • ถ้าร่องใต้ตาลึกมากๆ หมอแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ จะเป็นการแก้ปัญหาได้ตรงจุด เห็นผลชัดเจนทันที ไม่เป็นการรักษาซ้ำซ้อน และเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
  • ช่วยเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำ และกระต้นคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้หน้าใสขึ้น

 

วิธีการรักษา

เมื่อทำการปล่อยคลื่นอัตตร้าซาวด์ลงสู่ชั้นผิว คนไข้จะรู้สึกอุ่นๆ บริเวณผิวหนังชั้นบน และจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยทั้งนี้ขึ้นอยู่กับค่าพลังงานที่ยิงซึ่งอยู่ในระดับที่คนไข้ทนได้ HIFU จึงเป็นการรักษาโดยไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ใช้ตัวยา และไม่ต้องผ่าตัด และหลังจากทำไม่ต้องพักฟื้น โดยปัญหาที่คนไข้กังวล คือสามารถใช้รักษาร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์ได้มั้ย หมอแนะนำให้ทำ HIFU ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ หรือถ้าฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว ให้ทำ HIFU หลังการฉีดไปแล้ว 3 – 4 สัปดาห์ขึ้นไป เพราะถ้าฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิคที่ถูกต้องในชั้นเยื่อหุ้มกระดูก และแพทย์ที่เป็นผู้ยิง HIFU มีความชำนาญในการยิง HIFU ฟิลเลอร์ที่ฉีดมานั้นจะไม่ละลาย ทั้งนี้ก่อนการรักษาควรแจ้งแพทย์ให้ชัดว่าเคยทำการรักษาหัตถการอื่นจุดไหนบ้าง ระยะเวลาเท่าไหร่

ระยะเวลาในการทำต่อครั้ง : ขึ้นอยู่กับจำนวนช็อตที่ยิง บริเวณที่ต้องการรักษา รวมถึงใบหน้าของคนไข้แต่ละคน โดยเฉลี่ยจะใช้เวลาประมาณ 15 – 30 นาที

การเห็นผลลัพธ์ : คนไข้จะเห็นผลลัพธ์หลังทำตั้งแต่ครั้งแรกทันที 30% และผลลัพธ์จะเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นอีก 3- 4 สัปดาห์ขึ้นไป จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหย่อนคล้อยไม่มาก

อยู่ได้นานขนาดไหน : ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับใบหน้าของคนไข้ด้วย การทำ 1 ครั้ง ผลลัพธ์จะอยู่ได้ 3 – 6 เดือน หลังจากนั้นอาจจะไม่กระชับเหมือนในช่วงแรก 100% นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยการดูแลหลังจากการรักษาอีกด้วย สำหรับคนไข้ที่ต้องการให้ผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานๆ หมอแนะนำให้ทำช่วงแรก เดือนละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3 ครั้ง ถ้าการรักษาประมาณนี้จะทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้ถึง 12 – 16 เดือนเลย (*ผลลัพธ์อาจขึ้นอยู่กับบุคคล)

การดูแลก่อน และ หลัง

ก่อนการทำ

  • ควรพักผ่อนให้เพียงพอก่อนเริ่มทำการักษา
  • ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนการรักษา 3 – 7 วัน
  • ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ตามหลักโภชนาการ โดยจะช่วยในการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้กับเซลล์ใหม่ทำงานได้ดีมากขึ้น

หลังการทำ

  • หลังจากการรักษาในคนไข้บางราย อาจมีอาการเมื่อย รู้สึกตึงผิว หรือเจ็บในบริเวณที่ทำการรักษา โดยสามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อช่วยบรรเทาได้
  • หลีกเลี่ยงการนวด กดใบหน้า และไม่ควรถูใบหน้าแรงๆ ในขณะล้างหน้า
  • สามารถทาครีมบำรุงผิวหน้าสามารถทาได้ตามปกติ
  • ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดแรงๆ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ และควรทาครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันรังสี UVA และ UVB ทุกครั้ง เพื่อกลไกการฟื้นฟูของคอลลาเจนใต้ผิวจะได้ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น
  • ไม่ควรสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะการกระทำเหล่านี้ถือว่าเป็นการทำลายการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ผลลัพธ์ของการรักษาจึงอาจไม่ชัดเจน

ทั้งนี้ก่อนการรักษาควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำก่อนทุกครั้ง และควรได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด ส่วนคำถามที่เจอบ่อยมากคือ HIFU กับการร้อยไหม แตกต่างกันอย่างไร เหมาะกับใคร และทำร่วมกันดีไหม Dr. K จะมาให้คำตอบในบทความถัดไปนะครับ

Start typing and press Enter to search

Shopping Cart

ไม่มีสินค้าในตะกร้า